Category สุขภาพ

สร้างนิสัยเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี

ตรวจสอบความเป็นจริงผู้เชี่ยวชาญเขียนว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 21 วันในการปรับตัวและการวิจัยชี้ให้เห็นว่า  สร้างนิสัยเพื่อสุขภาพ โดยส่วนใหญ่มักใช้เวลานานกว่าค่าขั้นต่ำนั้นมาก ตัวอย่างเช่น ในการศึกษา European Journal of Social Psychology ประจำปี 2009 นักวิจัยได้มอบหมายให้คน 96 คนทำงานเพื่อสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำหนึ่งขวด

พร้อมอาหารกลางวันไปจนถึงการวิ่ง 15 นาทีก่อนอาหารเย็น พวกเขาพบว่าผู้เข้าร่วมใช้เวลาตั้งแต่ 18 ปี เกือบ 21 ปี ไปจนถึง 254 วันในการบ่มเพาะนิสัยที่พวกเขาเลือกใช้เวลานานแค่ไหนขึ้นอยู่กับนิสัยที่เปลี่ยนวิถีชีวิต 

อย่างไรก็ตามการวิจัย มีการสรุปว่าโดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลา 66 วันในการสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพด้วยการสร้างนิสัยใหม่นั่นเอง ถ้า 66 วันแล้วไม่ต้องพูดถึงและ ดูเหมือนเป็นเวลานาน ลองคิดแบบนี้ทุกครั้งที่เราทำพฤติกรรมใหม่ วิถีทางระบบประสาทใหม่จะเริ่มก่อตัวในสมอง

ครั้งแรกที่ทีมสร้างระบบประสาทของสมองของเราเพิ่งออกมาสำรวจพื้นที่และนำอุปกรณ์ทั้งหมดออกมา คราวหน้ามันทำให้ต้นไม้ล้มไปสองสามต้น ค่อยๆ มีเส้นทางเดินป่าที่สกปรกปรากฏขึ้น แล้วทางนั้นก็จะปูทาง ในที่สุดเส้นทางนั้นก็กลายเป็นทางหลวงแปดเลน

โชคดีสำหรับทุกคนที่มีปัญหาในการทำสิ่งใดทุกวันเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน นักวิจัยยังพบว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำพฤติกรรมทุกวันเพื่อให้กลายเป็นนิสัย วันที่พลาดที่นี่หรือไม่มีความพยายามของคุณ ถ้าวันหนึ่งคุณมีอาหารกลางวันที่ไม่ดีต่อสุขภาพหรือไม่ไปยิมก็ไม่เป็นไร ลองรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพมื้อต่อไปและไปยิมในวันพรุ่งนี้ เมื่อเราพยายามอย่างหนักในตัวเอง มันมักจะนำไปสู่ความล้มเหลว ที่กล่าวว่าบางครั้ง ไม่ควรนับจนถึงเส้นชัยที่สร้างนิสัยเลย ไม่สำคัญว่าจะเป็น 21, 66 หรือ 254 วัน

แต่ให้นับแต่ละความสำเร็จแทนตัวเลขยิ่งสูงยิ่งดี ท้ายที่สุด เมื่อคุณข้ามวันใดวันหนึ่งในปฏิทินหรือเริ่มสังเกตว่าการออกกำลังกายของคุณกลายเป็นนิสัย และทำเช่นนั้นไปเรื่อยๆ เชื่อว่าการจะมีสุขภาพที่ดีและสร้างนิสัยได้นั้นสามารถที่จะทำไ โดยที่ไม่ต้องเอาเรื่องของน้ำหนัก เวลาและความยากลำบากเข้ามาเป็นตัวตัดสิน 

สุดท้ายแล้วในการปฎิบัติสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อสุขภาพของคุณเอง ถ้าคุณสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เป็นนิสัยในเวลาที่รวดเร็วได้ แน่นอนว่า สุขภาพที่เกิดขึ้นนั้นก็จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็วเช่นกันและสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของคุณไปตลอดกาลเลยก็ว่าได้และสิ่งเหล่านี้ก็จะเป้นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและทำให่เรานั้นเกิดความรักตัวเองและรักสุขภาพมากขึ้นเพราะมันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากลำบาก อย่างไรก็ตามการสร้างนิสัยนั้นไม่เป็นเพียงการสร้าง การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ หรือกสนดื่มน้ำมากๆเท่านั้น เพราะเมื่อถ้าคุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างดี สิ่งอื่นในชีวิตนั้นก็จะเป็นสิ่งที่คุณสามารถจะทำมันได้อย่างดีเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

3 ขั้นตอนสู่วิถีชีวิตเพื่อสุขภาพดีขึ้น

ขั้นตอนสู่วิถีชีวิต การรักษาโปรแกรมการออกกำลังกายหรือการบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มันมาพร้อมกับการทำงานหนักและมีวินัย รวมถึงการรู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ฉันมักจะบอกผู้ป่วยของฉันที่ Methodist Physicians Clinic Regency ว่าการคำนึงถึงสิ่งสำคัญสามประการสามารถช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่มีสุขภาพดี

การช็อปอย่างชาญฉลาดการรักษาอาหารเพื่อสุขภาพเริ่มต้นด้วยการรู้ว่าควรใส่อาหารอะไรในร่างกายเพื่อให้เป็นเชื้อเพลิงที่เหมาะสม การเดินทางไปร้านขายของชำอาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวหากคุณไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ฉันมักจะแนะนำให้ผู้ป่วยที่พวกเขาซื้อของที่ขอบด้านนอกของร้านขายของชำ

นั่นคือสิ่งที่ส่วนใหญ่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพและสด ผักและผลไม้ อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ไข่ และผลิตภัณฑ์นม มักพบอยู่ตามผนังด้านนอกของร้าน

การรับประทานอาหารที่สดใหม่เหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานและพลังงานในการทำงาน อาหารที่มีไขมันและแปรรูปมากมักอยู่ตรงกลางร้านและทางเดินตรงกลาง หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงสิ่งล่อใจ ให้หลีกเลี่ยง

การทำร่างกายได้กระฉับกระเฉงการออกกำลังกายไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเริ่มฝึกไตรกีฬา คุณเพียงแค่ต้องทำให้หัวใจเต้นแรงและเรียกเหงื่อเล็กน้อย เริ่มช้าและออกกำลังกายในระดับปานกลางประมาณ 30 ถึง 60 นาทีห้าหรือหกวันต่อสัปดาห์

แนวคิดการออกกำลังกายบางอย่างสามารถทำได้อย่างหลากวิธรไม่ว่าจะเป็นการพาหมาไปเดินเล่นหรือกับคนสำคัญ การทำกิจกรรมหรือเล่นกับลูก ๆ ของคุณที่สวนสาธารณะ การออกกำลังกายด้วยการไปปั่นจักรยานกันหรือสำหรับคนที่ไม่ชอบไปข้างนอกและต้องการความเป็นส่วนตัวก็อาจจะวิ่งบนลู่วิ่งอยู่ที่บ้านหรือยิมก็ได้และสำหรับแผนการออกกำลังกาย

โดยรวมที่ดีที่สุด ให้สลับวันออกกำลังกายแบบแอโรบิกกับการฝึกความแข็งแรง เช่น ยกเวทเพื่อให้กล้ามเนื้อนั้นทำงานและยังเป็นกระชับสัดส่วนไปด้วย แนะนำให้พูดคุยกับผู้ให้บริการดูแลหลักของคุณก่อนที่คุณจะเริ่มการออกกำลังกาย  ไม่ว่าจะกับผู้ฝึกสอนส่วนบุคคลหรือด้วยตัวคุณเอง – เพื่อให้แน่ใจว่าหัวใจของคุณแข็งแรงเพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย

การหาเพื่อนหากต้องการประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ให้หาคนที่มีความคิดเหมือนกันซึ่งมีแรงจูงใจเหมือนกัน อาจเป็นคนสำคัญ เพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานก็ได้ การมีคนให้ออกกำลังกายด้วย ช่วยให้คุณควบคุมอาหารได้ และแบ่งปันแรงจูงใจสามารถช่วยให้คุณติดตามได้ สำหรับแนวคิดดีๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี พูดคุยกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของ Methodist Physicians Clinic ได้ด้วย ซึ่งทางคลินิคนั้นจะสามารถช่วยในการดูแลสุขภาพเพื่อให้เรานั้นสามารถสร้างวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีได้นั่นเอง

น้ำตาลเท่าไหร่ถึงจะเป็นเบาหวาน

หลายคนสงสัยว่าระดับ น้ำตาลเท่าไหร่ถึงจะเป็นเบาหวาน ถือว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจเป็นอย่างมากก็มีหลายคนเข้ามาถามกันมากมายและวันนี้เราก็จะมาอธิบายว่าน้ำตาลสะสมในเลือดเท่าไหร่ถึงจะเป็นโรคเบาหวาน 

 

ก่อนอื่นก็ต้องบอกก่อนเลยว่าการวินิจฉัยโรคเบาหวานก็จะใช้อยู่ 2 อย่างด้วยกันคือ 1 ดูอาการ 2 คือ ดูระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นการวัดน้ำตาลในกระแสเลือดในปัจจุบันเราจะมีอยู่ 2 อย่างด้วยกัน อย่างที่ 1 การวัดน้ำตาลในปัจจุบันในเลือด 2 คือวัดน้ำตาลสะสมในร่างกายหลักๆก็จะมีอยู่ 2 อย่างด้วยกัน 

โดยส่วนใหญ่คนเรามักจะคุ้นเคยกับการวัดระดับน้ำตาลในเลือดในปัจจุบันอาจจะเป็นการเจาะที่ปลายนิ้วในช่วงอดอาหาร 8 ชั่วโมงหรือว่าตอนที่ยังไม่อดอาหาร ซึ่งระดับน้ำตาลเท่าไหร่ถึงจะเป็นตัวบ่งบอกบ่งบอกว่าจะเป็นโรคเบาหวานคุณลองไปหาในอินเทอร์เน็ตอยู่ก็ได้ว่าการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วตอนอดอาหาร 8 ชั่วโมง หรือว่าตอนไม่อดอาหาร8 ชั่วโมง ระดับเท่าไหร่ถึงจะเป็นตัวบ่งบอกว่าเป็นโรคเบาหวาน 

ซึ่งในปัจจุบันก็จะมีการวัดระดับน้ำตาลในเลือดอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่าน้ำตาลสะสมหรือฮีโมโกลบินมันคือค่าเฉลี่ยสะสมของน้ำตาลที่เข้าไปสะสมในเม็ดเลือดแดงต้องบอกก่อนเลยว่าเม็ดเลือดแดงของเรามีอายุ 100 ถึง 120 วัน 

น้ำตาลเท่าไหร่ถึงจะเป็นเบาหวาน ดังนั้นค่าฮีโมโกลบินมันก็จะเป็นตัวบ่งบอกว่าภายใน 3-4 เดือนที่ผ่านมาน้ำตาลสะสมในเม็ดเลือดเท่าไหร่หรือพูดง่ายๆดูพฤติกรรมในคนที่เป็นเบาหวานฝันว่าผ่านมา 3-4 เดือนเราประพฤติตัวดีหรือเปล่ารับประทานของหวานหรือของที่มีน้ำตาลเยอะมากเกินไปหรือเปล่า 

เพราะฉะนั้นแล้วในส่วนนี้ก็จะเป็นข้อแตกต่างระหว่างน้ำตาลในปัจจุบัน กับน้ำตาลสะสม น้ำตาลปัจจุบันก็จะบ่งบอกได้แค่ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาว่าผู้ป่วยเบาหวานทานของหวานหรือของที่มีน้ำตาลเยอะมากเกินไปหรือเปล่า 

ส่วนระดับน้ำตาลสะสมก็จะเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าใน 3-4 เดือนที่ผ่านมาผู้ป่วยเบาหวานมีความประพฤติอย่างไรทานของหวานหรือน้ำตาลโดยเฉลี่ย 3 4 เดือนนี้เยอะหรือว่าน้อยเพียงใดโดยถ้าระดับน้ำตาลสะสมหรือฮีโมโกลบินมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 6.5 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าตัวคุณนั้นอาจจะเป็นโรคเบาหวานแล้วก็ได้ 

เพราะฉะนั้นแล้วเราจะมาสรุปกันว่าน้ำตาลเท่าไหร่ถึงจะเป็นโรคเบาหวานขณะแลกน้ำตาลในปัจจุบันอดอาหาร 8 ชั่วโมง ถ้ามากกว่า 126 เป็นโรคเบาหวานถ้าเจาะน้ำตาลในปัจจุบันไม่ได้อดอาหารถ้ามีค่ามากกว่า 200 เป็นโรคเบาหวาน

ส่วนน้ำตาลสะสมหรือฮีโมโกลบินถ้าเจาะมาหรือมีค่าเท่ากับ 6.5% วินิจฉัยเลยว่าคุณนั้นเป็นโรคเบาหวานแล้วแต่ละอันมันก็จะมีค่าที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    แทงหวยใต้ดิน

สารกันบูดในอาหาร ภัยร้ายที่ทำลายสุขภาพ

สารกันบูดหรือสารกันเสีย เป็นวัตถุที่ใช้รักษาอาหารแล้วก็ต่ออายุสำหรับการเก็บรักษา ผู้ที่ซื้ออาหารเหล่านี้มาทานจึงอาจได้รับอันตรายจากสารกันเสียได้โดยไม่รู้ตัว ด้วยเหตุว่าหากแม้ร่างกายจะมีกลไกขับสารกันเสียออกทางระบบขับถ่ายได้เอง แต่ว่าการบริโภคของกินที่มีสารกันเสียต่อเนื่องกันบ่อย ๆ จะมีผลให้ร่างกายขับสารพวกนั้นออกมาไม่ทัน กระทั่งเปลี่ยนเป็นสารพิษตกค้างสะสมที่ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยตามมาได้ 

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการทานอาหารที่มีสารกันเสียหรือสารกันบูดเกินกว่าที่ร่างกายจะขับออกได้ทันจะมีลักษณะ ดังต่อไปนี้

– มีลักษณะอาการหน้ามืด ปวดหัว อาเจียน คลื่นไส้

– เคืองระบบทางเดินอาหาร ท้องร่วงหรือเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการทานสิ่งต่าง ๆ อย่างเช่น โรคอาหารเป็นพิษ 

– ร่างกายดูดซึมสารหรือกระบวนการนำสารอาหารไปใช้ภายในร่างกายเปลี่ยนไป

– อาจป่วยเป็นโรคตับหรือโรคไต

– เกิดความเจ็บป่วยเนื่องด้วย Methemoglobinemia ที่อาจส่งผลให้มีลักษณะอาเจียน หายใจไม่ออก ตัวเขียว เป็นลมหรือวูบบ่อย ๆ  ซึ่งอันตรายอย่างยิ่งถ้าหากเป็นในเด็ก หญิงท้อง คนที่ป่วยเป็นโรคเลือด

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะทานอาหารที่มีสารกันเสียหรือสารกันบูดมากหรือน้อยก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน หากทานในปริมาณมาก ๆ ก็จะเกิดการเจ็บป่วยแบบเฉียบพลัน แต่หากทานในปริมาณน้อย อาจไม่ได้ส่งผลให้เห็นในทันที แต่ว่าหากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้กลายเป็นพิษสะสมภายในร่างกายอย่างเรื้อรัง ซึ่งสารบางประเภทนั้นอาจเป็นต้นเหตุที่นำไปสู่โรคมะเร็งได้

หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ไม่มีสารกันบูดได้อย่างไรบ้าง

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้เราอาจจะต้องเผชิญกับอาหารที่มีสารกันเสียหรือสารกันบูดอยู่บ่อย ๆ  แต่ก็ใช่ว่าเราเลือกที่จะไม่ทาน หรือหลบเลี่ยงมันไม่ได้ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า มีวิธีอะไรบ้างในการเลือกทานอาหารที่ไม่มีสารกันบูด

– เลือกซื้อของกินที่มีบรรจุภัณฑ์ และก็มีฉลาก ระบุข้อมูลต่าง ๆ อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลผู้ผลิต สถานที่ผลิต วันผลิต และก็วันหมดอายุของสินค้า สำคัญคือต้องมีสัญลักษณ์รวมทั้งเลขสารบบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาด้วย

– บริโภคของกินที่หลากหลายมากขึ้น ไม่กินอะไรซ้ำ ๆ เพื่อไม่ให้มีการสะสมสารพิษตกค้าง ด้วยเหตุว่าร่างกายมนุษย์เรามีระบบขับพิษออกทางระบบขับถ่าย แม้ได้รับพิษในจำนวนไม่มากก็ตาม

– หันมาทานผักและผลไม้ที่สดใหม่บ่อยๆ ไม่เพียงแค่มีไฟเบอร์ที่ช่วยสำหรับการขับถ่าย แต่ยังมีวิตามินบางประเภทรวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งทำหน้าที่ต้านการเกิดโรคมะเร็งได้ด้วย

– ทำอาหารทานเอง งดทานของกินสำเร็จรูป หรือของกินพร้อมบริโภคที่ไม่ได้ทำวันต่อวัน เพราะปกติอาหารที่ทำขึ้นนั้นจะต้องทานให้หมดโดยเร็ว หากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ก็มักจะเน่าเสีย ดังนั้น ของกินสำเร็จรูปที่ไม่ได้ทำขายวันต่อวัน จึงเป็นไปได้ยากที่จะรักษาไว้ได้นาน ๆ โดยที่ไม่ใส่สารกันเสีย  

 

สนับสนุนโดย  หวยจับยี่กีเล่นยังไง

กินโปรตีนให้ถึงก่อนเดี๋ยวหุ่นจะตามาเอง

ซึ่งราจะมาให้ความรู้คือมีคนสงสัยกันเยอะมากเลยว่าถ้าเราจะเริ่มต้นลดไขมันเราควรกินประมาณไหนดีเราควรเริ่มยังไงดีเราจะมาพูดหนึ่งในเรื่องของการคุมอาหารก็คือการกินโปรตีนตรงนนี้เราเห็นเป็นปัญหาส่วนใหญ่เลยว่าคนส่วนใหญ่ที่เริ่มออกกำลังกายมาเริ่มลดความอ้วนมาลดไขมันก็จะกินโปรตีนกันค่อนข้างน้อย

เรียกได้ว่าอาจจะไม่ถึงในเกณฑ์ที่ร่างกายเอาไปซ่อมแซมเอาไปซ่อมกล้ามเนื้อก็อาหารยังเรียกว่าบ้างคนอาจจะกินพวกข้าวแกงตามร้านทั่วไปหรือกินพวกไก่ฉีกในก๋วยเตี๋ยวอะไรพวกนี้เรามองว่ามันมีโปรตีนไหมมันมีแต่มันอาจจะไม่เพียงพอสิ่งแรกเลยที่เราอยากจะแนะนำถ้าเรากินอาหารวันละสามมื้อหรือบางคนอาจจะกินวันละสี่มื้อ

แต่ถ้าเอาง่ายๆก่อนสามมื้อมื้อหลักเช้ากลางวันเย็นควรจะมีโปรตีนให้ครบทุกมื้อก่อนเช่นมื้อเช้าอาจจะกินไข่ไก่สัก3-4ฟองไม่ต้องกลัวว่ามันจะอ้วนหรืออะไรถ้าเราออกกำลังกายแล้วเราคุมมื้อที่เหลือของวันดีไข่ไก่มันไม่ทำให้คุณอ้วนไข่ไก่3-4ฟองมันไม่ทำให้คอเลสเตอรอลเราเพิ่มขึ้นมาเราออกกำลังกายเรามีการใช้พลังงาน

โดยมื้อกลางวันเรากินไก่ย่างไม่เอาหนัง กินปลาดุกย่าง อะไรแบบนี้กับข้าวเหนียวกับส้มตำส่วนมื้อเย็นกินอะไรดีมื้อเย็นอาจจะไม่ต้องไปกินปลาแซลมอนกินอะไรพวกนั้นเอาง่ายๆแค่หาปลานึ่งตามตลาดนัดไม่ว่าจะเป็นปลานิดปลาทับทิมก็ได้หรือถ้าคุณยังไม่มีงบอีกก็กินทูน่ากระป๋องได้แต่ไม่แนะนำให้กินบ่อย

สำหรับโปรตีนบางคนอาจจะยังกินได้น้อยแล้วก็ไปกินผิดประเภทแล้วก็ถ้าไปกินพวกไส้กรอกมันไม่ใช่โปรตีนนะมันเป็นไขมันสัตว์ที่อัดรูปมันเป็นอาหารแปรรูปถ้ากินโปรตีนเราแนะนำให้กินโปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นหลักหรือจะเป็นถั่วเหลือเต้าหู้นมก็ได้

ดังนั้นนมบางทีมันอาจจะไม่ใช่โปรตีนไปทั้งหมดนมนั้นจะมีทั้งคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่มาจากนมยังไงก็กินทั้งหมดนี้ให้ครบสามมื้อก่อนแล้วในส่วนของที่กินเล่นเราก็ไปกินพวกถั่วฟักทองไปกินมันต้มไปกินอะไรพวกนี้ให้มันแก้หิวยังไงมื้อหลักๆของคุณจะต้องกินโปรตีนให้ครบนี่เป็นสิ่งแรกอย่างง่ายๆยังไม่ถึงเรื่องโปรตีนการชั่ง

นอกจากนี้ถ้าใครอยากรู้การชั่งโปรตีนเราแนะนำให้ก็ได้ถ้าเป็นผู้ชายเราแนะนำสำหรับที่จะสร้างกล้ามเนื้อรักษากล้ามเนื้อจะเน้นในเรื่องของหุ่นผู้ชายควรจะกินโปรตีน1.5-2.2กรัม

 

สนับสนุนโดย    หวยลาวจ่ายบาทละเท่าไร

มะนาว หนึ่งในสมุนไพรช่วยเลิกบุหรี่

เราจะมาขยายความจากบทความอื่นๆ ที่ว่า มีสมุมอยู่หลากหลายชนิดที่ช่วนในการเลิกบุหรี่ได้ และ สมุนไพรชนิดแรกนี่ที่เราจะหยิบยกขึ้นมาให้รู้จักกัน นั้นคือ มะนาว มะนาวนั้นจริงๆแล้วจะเรียกว่าสมุนไพรก็คงไม่ชินปากนัก เพราะเรานั้นรู้จักกันในนามพืชผักผลไม้ เอาจริงๆแล้ว มันคือผลไม้ หรือผัก ก็ยังไม่แน่ใจเลย ฮ่าๆ

แต่ถือว่าเป็นหนึ่งในสมุมไพรที่ช่วยเลิกบุหรี่ได้แล้วกัน มะนาวนั้นเรารู้จักกิติสรรพของมันดี นั้นก็คือความเปรี้ยว แล้วไอ้ความเปรี้ยวนี้มันมีผลอย่างไรทำให้เราอยากเลิกบุหรี่กันล่ะ จริงๆแล้ว มันอาจจะไม่ได้ช่วยเลิกบุหรี่แบบว่าให้หายอยากหรอกนะ แต่เป็นการทำโทษนักดูดบุหรี่ต่างหาก เหมือนกับการกินบอระเพ็ดนั้นเอง ที่ใช้ความขมทำให้ เด็กไม่อยากเอามอเข้าปาก มะนาวนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำเช่นนั้นเหมือนกัน

มะนาวนั้นภายในมีกรดอยู่ ซึ่งเจ้ากรดนี้ทำให้เรานั้นได้รับรู้รสชาติเปรี้ยวของมัน แม้แต่เพียงแค่คิด น้ำลายยังออกมาเลย เพราะความเปรี้ยวจากกรดนั้นนั่นเอง เจ้ากรดนี้จริงๆแล้วมันจะทำปฏิกิริยากับต่อมรับรสของเราด้วย ซึ่งตรงจุดนี้แหละที่เป็นตัวทำให้ต่อมรับรสเรา รับรสผิดเพี้ยนไป แล้วนั้นก็เป็นผลโดยตรงกับรสของบุหรี่ที่สูบเข้าไป มันจะทำให้รสชาติของบุหรี่และควันแย่ลงเอามากๆ ออกไปในทางเฝื่อน ซึ่งเจ้ากรดนี้ก็คือวิตามินซีที่ทำปฏิกิริยากับลิ้นเรานั่นเอง

วิธีง่ายๆในการใช้มะนาวอย่างถูกวิธี นั้นก็คือนำมะนาวมาทั้งลูก ไม่ต้องปลอกเปลือกแต่อย่างใด จำไว้ว่าเปลือกนี้มีส่วนสำคัญอย่างมาก แล้วนำมาฝานเป็นแผ่นๆบางๆ ไม่ต้องหนาน่ะ ไม่เช่นนั้นมันจะทำให้เปรี้ยวจนไม่อยากจะกินเลย แล้วก็วางไว้ในตู้เย็น เมื่อเรานั่งทำงานหรือเพิ่งกินข้าวเสร็จ จะเริ่มอยากสูบบุหรี่ขึ้นมาก

ก็เดินไปหยิบมะนาวในตู้เย็นมาแผ่นนึง แล้วก็วางไว้ที่ลิ้น อมไว้สักพักแล้วก็คายทิ้ง ก็จะทำให้กรดนั้นทำปฏิกิริยากับลิ้นเราแล้ว เมื่อเราไปจุดบุหรี่สูบก็จะทำให้รสชาติบุหรี่นั้นขมเฝือนจนรับไม่ได้ อาจทำให้เราไม่อยากจะดูดหลังจากอมมะนาวไปนั่นเอง ถึงอย่างนั้นแล้ว ทำไปนานๆก็อาจจะทำให้เราขยาดบุหรี่ไปเลยก็ได้

อาจจะมีหลายคนถามว่าแล้วเราจะมานั่งอมมะนาวเปรี้ยวๆนี้ไหวหรอ แค่คิดก็กลัวจะอมของเปรียวขนาดนี้แล้ว ยิ่งมะนาวไทยบ้านเรานี่ยิ่งโหดเข้าใหญ่ ก็คงไม่มีทางอื่นสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ก็พอมีวิธีที่ทำให้รสชาติมันน่าทานมากขึ้น นั้นก็คือการโรยเกลือช่วยนิดหน่อย อารมณ์เหมือนดื่มค็อกเทว

 

สนับสนุนโดย  แทงหวย

อาหารประเภทไหน เสี่ยงต่อการเกิดตกขาว

ในปัจจุบันการรับประทานอาหารนั้นจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราโดยตรง ถ้าเรารับประทานที่ดีร่างกายเราก็จะมีสุขภาพที่ดีตามไปด้วย หากเมื่อไหร่ที่ร่างกายของเราได้รับอาหารที่ไม่ดีร่างกายของเราก็จะอันตรายไปด้วย ผู้หญิงเราก็เช่น เพราะผู้หญิงสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วมักจะรับประทานอาหารที่ค่อนข้างไม่เลือกสักเท่าไหร่ โดยปกติแล้วเห็นอะไรก็น่ากินไปหมด

จึงทำให้ร่างกายของเราส่งผลเสีย และเป็นอันตรายเมื่อร่างกายได้รับอาหารประเภทที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะอาหารบางประเภทในปัจจุบัน อาจเสี่ยงต่อการเกิดตกขาวขึ้นได้ แต่โดยปกติแล้วสาว ๆ หลายคนจะมีตกขาวคล้ายเมือกใส ๆ เพื่อเป็นคัวสร้างความชื้นให้ช่องคลอ

ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่น ป้องกันการเกิดบาดแผลในระหว่างทำกิจกรรมกับแฟน หรือระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ แต่เมื่อใดที่เรารับประทานอาหารที่อาจส่งผลให้ตกขาวมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ก็อาจจะทำให้เราเสียความมั่นใจในตัวเองขึ้นได้ ดังนั้น เรามารู้จักอาหารที่อาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดตกขาวมีกลิ่นเหม็น หรืออาหารที่เป็นตัวกระตุ้นการเกิดของตกขาว จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

  • อาหารทอด เรียกได้ว่าอาหารที่สาว ๆ หลายคนนั้นชอบกินกันเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอาหารที่ค่อนข้างอร่อย แต่รู้หรือไม่ว่า การกินอาหารทอดบ่อย ๆ หรือกินเป็นประจำนั้นอาจส่งผลทำให้ผู้หญิงมีตกขาวเพิ่มขึ้นได้ ไม่เพียงแต่มีตกขาวเท่านั้น ยังส่งผลทำให้เราอ้วนได้อีกต่างหาก ดังนั้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อร่างกายที่มีสุขภาพ และหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายเกิดการผลิตตกขาวที่เพิ่มมากขึ้น
  • อาหารหมักดอง รู้หรือไม่ว่า อาหารหมักดองเป็นอาหารประเภทหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย เมื่อไหร่ที่เรารับประทานมันเข้าไปมากเกินไป ก็อาจส่งผลให้ร่างกายของเราเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และส่งผลให้ร่างกายผลิตตกขาวเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ไม่เพียงแค่นี้ การรับประทานของหมักดองเป็นประจำยังส่งผลให้ตกขาวของเรามีสีที่เปลี่ยนไปจากเดิม และส่งกลิ่นเหม็นได้อีกด้วย ดังนั้น หากไม่อยากเป็นตกขาวมากเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่เป็นของหมักของดอง เพื่อหยุดปัญหาเหล่านี้
  • การดื่มแอลกอฮอล์ เชื่อว่าหลายคนก็คงรู้ดีว่าการดื่มแอลกอฮอล์นั้น ส่งผลเสีย และเป็นอันตรายต่อร่างกายของเราได้เป็นอย่างมาก เมื่อร่างกายของเราได้รับเข้าไปในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจส่งผลให้เราเสียชีวิตได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม การดื่มแอลกอฮอล์มาก ๆ ก็อาจทำให้ความสมดุลในช่องคลอดนั้นเสียได้ เพราะแอลกอฮอล์จะเข้าไปทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ภายในช่องคลอดนั้นลดลง จนเกิดการติดเชื้อขึ้นในที่สุด และเป็นสาเหตุทำให้ผู้หญิงเราเกิดตกขาวออกมานั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย    แทงหวย

โควิด-19 หายเองได้ ถ้าหากดูแลร่างกายเป็นอย่างดี 

          หลายคนหวาดกลัวการติดเชื้อไวรัสโควิช- เรื่องจากว่าจากข้อมูลข่าวสารที่มีการเผยแพร่ออกมานั้นมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่ติดเชื้อไวรัสโควิตและเสียชีวิตซึ่งบางคนนั้นติดเชื้อไวรัสโควิคเพียงแค่วันสองวันก็สามารถเสียชีวิตได้แล้วทำให้ผู้คนเริ่มพากันหวาดกลัวเป็นจำนวนมากและที่สำคัญนั้นไวรัสโควิคเป็นไวรัสที่สามารถติดต่อกันได้ง่ายดายมาก

เพราะเชื้อนั้นคล้ายๆกับการเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่นั่นเองเพราะเพียงแค่เราหายใจอยู่ใกล้กับคนที่ติดเชื้อไวรัส covid ได้รับเสมหะหรือน้ำลายของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิคเข้าสู่ร่างกายเราก็สามารถติดเชื้อไวรัสโควิดได้แล้ว

           ดังนั้นอาการเบื้องต้นของการแพร่กระจายของไวรัสโควิช- นั้นก็คือเหมือนกับการแพร่กระจายของการแพร่เชื้อของไข้หวัดนั่นเองอย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าจากตารางของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิชและจากตารางของผู้ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิช- รวมถึงผู้ที่รอดชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิทนั้นก็มีแตกต่างกันซึ่งในขณะนี้มีผู้คนจำนวนมากที่ติดเชื้อไวรัส covid แล้วแต่ก็สามารถรักษาอาการและสามารถหายขาดได้ดังนั้นเราจึงสามารถดูจากข้อมูลเปรียบเทียบผู้ที่ติดเชื้อและผู้ที่หายจากการติดเชื้อได้ว่าหากเราดูแลสุขภาพร่างกายของเราให้ดีสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายของเราแข็งแรงเมื่อเราติดเชื้อไวรัสเราอาจจะสามารถหายเองได้ถ้าหากเชื้อไวรัสไม่ได้รุนแรงมากจนถึงขนาดเชื้อลงไปที่ปอดนั่นเอง

         มีรายงานจากสถิติของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสจำนวนทั้งหมด 100 คนและจะมีเพียงแค่ 20 คนเท่านั้นที่อาการหนักรวมถึงมีมากถึง 80 คนที่อาการนั้นไม่ได้รุนแรงอะไรมากนะอาจจะมีให้เพียงเล็กน้อยหรืออาจจะมีอาการปวดหัวไอและจามซึ่ง 80% นี้คือกลุ่มคนที่มีอาการคล้ายกับการเป็นไข้ธรรมดาเนื่องจากว่าบุคคลเหล่านี้นั้นมีภูมิคุ้มกันค่อนข้างดีแต่เดิมก็เป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงและอยู่ในช่วงของวัยที่กำลังแข็งแรงอยู่แล้ว

       ซึ่งถ้าหากว่าเราติดเชื้อไวรัสโควิด กินยาลดไข้กินยาลดไอลดเสมหะตามปกตินอนไม่หลับเยอะๆพักผ่อนให้เพียงพอที่สำคัญดื่มน้ำเยอะๆจะสามารถขับเชื้อไวรัส covid ออกร่างกายได้เช่นเดียวกันดังนั้นเราสามารถกล่าวได้ว่าแค่เราดูแลสุขภาพร่างกายให้เราแข็งแรงเหมือนกับเรารักษาอาการเป็นไข้หวัดเราก็สามารถหายจากการติดไวรัสโควิด โดยที่เราไม่จำเป็นที่มารักษาตัวที่โรงพยาบาลเลยก็ได้

        สำหรับผู้ที่มีปัญหาติดเชื้อไวรัสอย่างรุนแรงนั้นมีแค่เพียง 20% เท่านั้นและ 20% นี้ถ้าหากว่าเสือยังไม่ลงปอดก็ยังสามารถรักษาให้หายได้ในขณะที่มีเพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่อาการรุนแรงมากจนถึงต้องเข้าห้องไอซียูนั่นเอง  

 

สนับสนุนโดย.  แทงหวย

ขนมปังปิ้งเกรียมๆ กินแล้วก่อให้เกิดโรคมะเร็ง 

           เชื่อว่าหลายคนนั้นชื่นชอบการกินขนมปังปิ้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งนั้นขนมปังที่มีการปิ้งค่อนข้างเกรียมนิดนึงจะให้ความรู้สึกที่กรอบและอร่อยมากเลยทีเดียวแต่เมื่อไม่นานมานี้เองนายแพทย์หญิงธิดากานต์ซึ่งเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลสมิติเวชได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับอันตรายของขนมปังปิ้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าขนมปังนั้นวิ่งจนไหม้เกรียมแล้วเราก็มันจะมีสารชนิดหนึ่งซึ่งสามารถทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็งได้นั่นเอง

       โดยนายแพทย์คนดังกล่าวนั้นได้บอกถึงอันตรายของขนมปังปิ้งเกรียมในครั้งนี้ว่าได้มีการทำวิจัยมาแล้วจากทางรัฐบาลอังกฤษเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัยของอาหารซึ่งหนึ่งในผลการวิจัยนั้นได้มีการทำวิจัยขนมปังปิ้งไว้ด้วยโดยผลการวิจัยนั้นระบุว่าถ้ามีการปิ้งขนมปังให้เกรียมจนเป็นสีน้ำตาลแล้วเราก็จะส่งผลทำให้มีสารตัวหนึ่งก่อตัวขึ้นในขนมปังปิ้งซึ่งสารชนิดนี้จะส่งผลทำให้เกิดโรคมะเร็งได้นั่นเอง

          ดังนั้นในช่วงนี้จึงมีการรณรงค์กันอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องของการกินขนมปังปิ้งหรือแม้แต่การกินมันฝรั่งก็ตามแต่ สำหรับสาเหตุที่เราต้องระมัดระวังเรื่องของการกินขนมปังและมันฝรั่งนั้นก็เพราะว่าอาหารทั้งสองชนิดนั้นเป็นอาหารประเภทแป้งซึ่งถ้าหากว่านำอาหารทั้งสองชนิดนี้มาผ่านความร้อนที่มีความร้อนสูงมากๆแล้วล่ะก็ เรื่องที่มีการโดนความร้อนสูงนั้นจะมีสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า  เอคลิอเไมด์   เกิดขึ้นเยอะโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากปิ้งจนขนมปังกลายเป็นสีน้ำตาลเต็มเกรียมซึ่งสาร  เอคลิอเไมด์   นี้เอง ที่เป็นตัวก่อให้เกิดโรคมะเร็ง 

       อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราจะรู้ว่าการปิ้งขนมปังนั้นอาจจะทำให้ เอคลิอเไมด์  มีการก่อตัวสูงขึ้นแต่ก็ยังไม่มีการรณรงค์ให้มีการเลิกกินขนมปังปิ้งเพียงแต่ว่ามีการออกมาเตือนว่าการปิ้งขนมปังนั้นควรปิ้งแค่พอประมาณไม่ควรปิ้งให้ขนมปังเป็นสีน้ำตาลเกรียมหรือสีน้ำตาลไม่มากจนเกินไปเพราะการปิ้งขนมปังนั้นก็ยังคงสามารถรับประทานได้ถ้าหากว่าเราไม่ปิ้งขนมปังไม่เกินไปนั้นเอง

      ดังนั้นถ้าหากเราต้องการกินขนมปังปิ้งโดยที่ไม่ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งหรือไม่เกิดอันตรายต่อร่างกายของเราแล้วเราก็เราควรปิ้งขนมปังเพียงแค่ให้ขนมปังนั้นเป็นเพียงสีเหลืองอ่อนๆและมีกลิ่นหอมนิดๆเพียงเท่านั้นซึ่งถ้าเรากินขนมปังควบคู่กับผักและผลไม้หรือแม้แต่เนื้อสัตว์และกินให้ครบ 5 หมู่เราก็จะได้สารอาหารจากขนมปังเช่นเดียวกันดังนั้นอาจกล่าวว่าแค่เพียงหลีกเลี่ยงขนมปังไหม้เกรียมเราก็ไม่เจอกับสารก่อมะเร็งแล้วนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.  แทงหวย

ตัวช่วยในการลดหน้าท้องและเผาผลาญไขมัน

           สำหรับใครที่มีน้ำหนักเยอะ  มีไขมันหน้าท้องมากจนคิดว่ากำลังตั้งครรภ์และมีความต้องการที่อยากจะลดน้ำหนักลดไขมันที่อยู่ตรงพุงออกไปแล้วแล้วก็ เชื่อว่าหลายคนคงรู้ดีว่าการที่จะลดไขมันต่างๆตรงบริเวณหน้าท้องหรือพุงของเราได้นั้นจะต้องมีการออกกำลังกายและควบคุมเรื่องของอาหารการกินโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องกินอาหารแคลอรี่น้อยๆ  

          อย่างไรก็ตามแต่คุณควรต้องรู้ว่ามากเกินไปด้วยการควบคุมอาหารการกินกินอาหารที่มีแคลอรี่น้อยมากจนเกินไปนั้นอาจจะไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกายของคนก็เป็นไปได้เช่นเดียวกันเพราะการที่เราจะควบคุมอาหารเพื่อให้น้ำหนักของเราลดลงและมีประสิทธิภาพนั้นเราจะต้องควบคุมการกินอาหารไม่ให้น้อยจนกล้ามเนื้อในร่างกายของเรานั้นสลายหายไปเพราะหากเรากินอาหารน้อยนอกจากจะลดไขมันแล้วยังต้องไปลดกล้ามเนื้อในร่างกายของเราไปได้อีกด้วยซึ่งโดยปกติแล้วคนที่ต้องการหุ่นดีนั้นควรจะมีกล้ามเนื้อเยอะและไขมันน้อยนั่นเอง

          อย่างไรก็ตามวันนี้เราจะมาพูดถึงตัวช่วยที่จะทำให้เราสามารถลดหน้าท้องและสามารถเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดีโดยที่เรานั้นยังสามารถควบคุมอาหารการกินไม่ให้กินน้อยมากจนเกินไปและไม่เป็นการทำลายกล้ามเนื้อของเรานั่นเองเรามาดูกันว่าอาหารที่เราพูดถึงหรือตัวช่วยที่เราพูดถึงนั้นมีอะไรบ้าง

     กาแฟ  เป็นตัวช่วยอันดับต้นๆที่สามารถช่วยในเรื่องของการเร่งการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวสำหรับกาแฟนั้นเป็นเรื่องที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าจะมีคาเฟอีนผสมอยู่ซึ่งตัวคาเฟอีนนี้เองที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการเผาผลาญไขมันและยังช่วยทำให้เรานั้นไม่ค่อยอยากกินอาหารอีกด้วยนอกจากนี้ถ้าหากใครกินกาแฟก่อนที่จะไปออกกำลังกายสักประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วเราก็รับรองได้เลยว่ามันจะทำให้คุณ อึด ถึกและทนออกกำลังกายได้นานขึ้นแน่นอน  อย่างไรก็ตามสำหรับกาแฟที่กินแล้วจะได้ผลดีนั้นก็คือกาแฟดำเท่านั้นนะคะห้ามใส่น้ำตาลอย่างเด็ดขาด 

        ส่วนอีกหนึ่ง ตัวช่วยที่น่าสนใจไม่แตกต่างกันเลยก็คือชา   โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาอู่หลงสำหรับใครที่ต้องการลดหน้าท้องและเผาผลาญไขมันโดยที่ไม่สะดวกที่จะกินกาแฟแล้วเราก็อีกหนึ่งตัวช่วยที่ได้ผลไม่ต่างกันนั่นก็คือชาอู่หลงนั่นเองซึ่งแน่นอนว่าชานั้นเรารู้จักกันเป็นอย่างดีว่ามีส่วนผสมของคาเฟอีนเช่นเดียวกันแต่นอกจากคาเฟอีนแล้วในชานั้นยังมีคาเทชินซึ่งต้องบอกเลยว่าตัวสารคาเทชินนี้จะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญไขมันและลดหน้าท้องได้เป็นอย่างดี

          ที่สำคัญตัวคาเทชินนั้นยังช่วยให้หน้าของคุณนั้นดูเด็กลงเพราะจะไปบำรุงผิวทำให้ผิวของคุณนั้นดีขึ้นที่สำคัญชาอู่หลงนั้นเป็นชาที่มีชื่อเสียงเรื่องของรสชาติที่อร่อยและมีกลิ่นหอมเป็นอย่างมากเลยทีเดียวดังนั้นถ้าหากใครที่ไม่สะดวกหรือไม่ทานกาแฟดำแล้วเราก็ลองเปลี่ยนมาทานชาอู่หลงดูก็จะช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักและเผาผลาญไขมันได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวย